Fat Tranfer หรือ การฉีดไขมันคืออะไร?
คือการดูดไขมันส่วนเกินจากร่างกาย นำมาผ่านกระบวนการเพื่อปลูกถ่าย ฉีดเข้าสู่ใบหน้า เพื่อเติมเต็มหรือเรียกง่ายๆว่าการย้ายเซลล์ไขมันจากส่วนที่เราไม่ต้องการแล้วไปเติมเต็มในส่วนที่ขาดแทน การเติมไขมันไม่ใช้เติม เพียงแค่ความสวยเท่านั้น ยังช่วยรักษาแผลเป็นและสเตมเซลที่อยู่ในไขมัน ช่วยให้ผิวดูอ่อนกว่าวัย หน้าดูเด็กขึ้นครับ
จุดที่นิยมดูด คือ ต้นขา หรือหน้าท้อง แต่ไขมันที่ดีที่สุดควรเป็นต้นขา เพราะเป็นไขมันที่มีพังผืดน้อย รองลงมาคือหน้าท้อง ถ้าไขมันต้นขาไม่พอจริงๆ ก็สามารถดูดหน้าท้องหรือจุดอื่นๆเพิ่มเติมได้

ฉีดฟิลเลอร์ กับ ฉีดไขมัน แตกต่างกันอย่างไร?
> ฉีดฟิลเลอร์
ข้อดี: สารเติมเต็มคือสาร Hyaluronic Acidหรือ HA เป็นสารสังเคราะห์ ที่เติมได้ทันที ไม่บวม ไม่ช้ำ ไม่ต้องพักฟื้น นิยมเติมบริเวณริ้วรอย อยู่ได้นาน 1-2 ปี
ข้อเสีย: เป็นสารที่ช่วยในเรื่องการเติมเติม แต่ไม่ได้ช่วยในเรื่อง Rejuvenation หรือไม่ได้ช่วยฟื้นฟูผิว มีคุณสมบัติในการเติมเต็มเท่านั้น และ ถ้าเติมหลายจุด ราคาสูงมาก เพราะฟิลเลอร์ขายเป็นต่อจำนวน cc.
> ฉีดไขมัน
ข้อดี: สามารถดูดไขมันได้ในปริมาณที่ต้องการ เพียงพอที่จะเติมได้ทั่วหน้า หรือ เติมหน้าอก และก้นได้ ช่วยในเรื่อง Rejuvenation ฟื้นฟูผิว ทำให่ผิวฉ่ำดูสุขภาพดี มีส่วนช่วยให้จุดด่างดำดูจางลง เป็นเซลล์ของตัวเราเอง ร่างกายไม่มีการต่อต้าน
เติมไขมันครั้งแรก อยู่ได้นาน 1-2 ปี ครั้งที่สอง อยู่ได้ ประมาณ 3-5 ปี
ข้อเสีย: ต้องการเวลาพักฟื้น ประมาณ7-14วัน หากสัมผัสความร้อนจัด เย็นจัด หรือนวดหน้า ในช่วงเเรก อาจทำให้ไขมันยุบตัวเร็วกว่าปกติ
ผมมีกระบวนการฉีดไขมันอย่างไร?
มีหลายๆคนบอกผมว่าไม่เห็นต้องทำอะไรเยอะเเยะขนาดนี้เลย ขั้นตอนยุ่งยาก เสียเวลามากด้วย
แต่ผมลองหมดทุกวิธีและทุกเทคนิคแล้ว แบบนี้แหละที่ดีที่สุด
1.ดูดไขมัน
2.ล้างคราบไขมัน กรองพังผืด และเลือดออก
3.ปั่นไขมัน ให้มวลไขมันแน่น
4.ใส่ สเต็มเซล โกรสแฟคเตอร์ และ PRP
5.แยกขนาดไขมัน เป็นสี่step ตั้งแต่ไขมันมวลใหญ่ ไปจนถึงมวลที่เล็กที่สุด
6.เลือกไขมันมวลใหญ่มาฉีดก่อน เพื่อฉีดเข้าผิวหนังชั้นที่ลึกที่สุด และใช้ไขมันขนาดถัดไป ไล่ฉีดทีละชั้น จนถึงผิวชั้นนอกสุด
ฉีดไขมันกับผมต่างจากที่อื่นอย่างไร?
1. ผม สเต็มเซล โกรสแฟคเตอร์ PRP ไปในไขมัน เพื่อเป็นตัวช่วยที่ทำให้การปลูกให้ไขมันสมบูรณ์ และไขมันมีโอกาสติดได้สูงกว่าไม่ใส่ (ส่วนประกอบพวกนี้มีราคาต้นทุนสูง หลายๆที่ไม่ใส่ หรืออย่างมากใส่แค่prpเท่านั้น)
2. เทคนิคการเติม ถ้าฉีดหรือปล่อยไขมันแรงเกินไปไขมันสามารถตายได้ในขณะฉีด จนเกิดเทคนิค micro droped ขึ้นมา คือการค่อยๆปล่อยไขมัน เป็นดอทเล็กๆ และฉีดที่ผิวหนังชั้นที่4 ค่อยฉีดไล่ขึ้นมาจนครบสี่ชั้นทำให้หลังเติม ผิวไม่เป็นคลื่น
3. เรื่องกระบวนการปั่นแยกชั้นไขมัน ไม่ได้แยกไขมันแค่เป็น2ชั้น คือปั่นแยกเลือดกับไขมัน แต่เราต้องปั่นแยกให้ไขมันแยกชั้นเป็นถึงสี่ชั้น เพราะไขมันที่ดีที่สุด มีเพียงเเค่1ใน4 ที่นำมาใช้ได้ครับ
สำหรับใครที่กำลังคิดว่า ฉีดไขมันที่ไหนดี? ลองศึกษาเยอะๆครับ
คือการดูดไขมันส่วนเกินจากร่างกาย นำมาผ่านกระบวนการเพื่อปลูกถ่าย ฉีดเข้าสู่ใบหน้า เพื่อเติมเต็มหรือเรียกง่ายๆว่าการย้ายเซลล์ไขมันจากส่วนที่เราไม่ต้องการแล้วไปเติมเต็มในส่วนที่ขาดแทน การเติมไขมันไม่ใช้เติม เพียงแค่ความสวยเท่านั้น ยังช่วยรักษาแผลเป็นและสเตมเซลที่อยู่ในไขมัน ช่วยให้ผิวดูอ่อนกว่าวัย หน้าดูเด็กขึ้นครับ
จุดที่นิยมดูด คือ ต้นขา หรือหน้าท้อง แต่ไขมันที่ดีที่สุดควรเป็นต้นขา เพราะเป็นไขมันที่มีพังผืดน้อย รองลงมาคือหน้าท้อง ถ้าไขมันต้นขาไม่พอจริงๆ ก็สามารถดูดหน้าท้องหรือจุดอื่นๆเพิ่มเติมได้

ฉีดฟิลเลอร์ กับ ฉีดไขมัน แตกต่างกันอย่างไร?
> ฉีดฟิลเลอร์
ข้อดี: สารเติมเต็มคือสาร Hyaluronic Acidหรือ HA เป็นสารสังเคราะห์ ที่เติมได้ทันที ไม่บวม ไม่ช้ำ ไม่ต้องพักฟื้น นิยมเติมบริเวณริ้วรอย อยู่ได้นาน 1-2 ปี
ข้อเสีย: เป็นสารที่ช่วยในเรื่องการเติมเติม แต่ไม่ได้ช่วยในเรื่อง Rejuvenation หรือไม่ได้ช่วยฟื้นฟูผิว มีคุณสมบัติในการเติมเต็มเท่านั้น และ ถ้าเติมหลายจุด ราคาสูงมาก เพราะฟิลเลอร์ขายเป็นต่อจำนวน cc.
> ฉีดไขมัน
ข้อดี: สามารถดูดไขมันได้ในปริมาณที่ต้องการ เพียงพอที่จะเติมได้ทั่วหน้า หรือ เติมหน้าอก และก้นได้ ช่วยในเรื่อง Rejuvenation ฟื้นฟูผิว ทำให่ผิวฉ่ำดูสุขภาพดี มีส่วนช่วยให้จุดด่างดำดูจางลง เป็นเซลล์ของตัวเราเอง ร่างกายไม่มีการต่อต้าน
เติมไขมันครั้งแรก อยู่ได้นาน 1-2 ปี ครั้งที่สอง อยู่ได้ ประมาณ 3-5 ปี
ข้อเสีย: ต้องการเวลาพักฟื้น ประมาณ7-14วัน หากสัมผัสความร้อนจัด เย็นจัด หรือนวดหน้า ในช่วงเเรก อาจทำให้ไขมันยุบตัวเร็วกว่าปกติ
ผมมีกระบวนการฉีดไขมันอย่างไร?
มีหลายๆคนบอกผมว่าไม่เห็นต้องทำอะไรเยอะเเยะขนาดนี้เลย ขั้นตอนยุ่งยาก เสียเวลามากด้วย
แต่ผมลองหมดทุกวิธีและทุกเทคนิคแล้ว แบบนี้แหละที่ดีที่สุด
1.ดูดไขมัน
2.ล้างคราบไขมัน กรองพังผืด และเลือดออก
3.ปั่นไขมัน ให้มวลไขมันแน่น
4.ใส่ สเต็มเซล โกรสแฟคเตอร์ และ PRP
5.แยกขนาดไขมัน เป็นสี่step ตั้งแต่ไขมันมวลใหญ่ ไปจนถึงมวลที่เล็กที่สุด
6.เลือกไขมันมวลใหญ่มาฉีดก่อน เพื่อฉีดเข้าผิวหนังชั้นที่ลึกที่สุด และใช้ไขมันขนาดถัดไป ไล่ฉีดทีละชั้น จนถึงผิวชั้นนอกสุด
ฉีดไขมันกับผมต่างจากที่อื่นอย่างไร?
1. ผม สเต็มเซล โกรสแฟคเตอร์ PRP ไปในไขมัน เพื่อเป็นตัวช่วยที่ทำให้การปลูกให้ไขมันสมบูรณ์ และไขมันมีโอกาสติดได้สูงกว่าไม่ใส่ (ส่วนประกอบพวกนี้มีราคาต้นทุนสูง หลายๆที่ไม่ใส่ หรืออย่างมากใส่แค่prpเท่านั้น)
2. เทคนิคการเติม ถ้าฉีดหรือปล่อยไขมันแรงเกินไปไขมันสามารถตายได้ในขณะฉีด จนเกิดเทคนิค micro droped ขึ้นมา คือการค่อยๆปล่อยไขมัน เป็นดอทเล็กๆ และฉีดที่ผิวหนังชั้นที่4 ค่อยฉีดไล่ขึ้นมาจนครบสี่ชั้นทำให้หลังเติม ผิวไม่เป็นคลื่น
3. เรื่องกระบวนการปั่นแยกชั้นไขมัน ไม่ได้แยกไขมันแค่เป็น2ชั้น คือปั่นแยกเลือดกับไขมัน แต่เราต้องปั่นแยกให้ไขมันแยกชั้นเป็นถึงสี่ชั้น เพราะไขมันที่ดีที่สุด มีเพียงเเค่1ใน4 ที่นำมาใช้ได้ครับ
สำหรับใครที่กำลังคิดว่า ฉีดไขมันที่ไหนดี? ลองศึกษาเยอะๆครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น