ข้อแตกต่างระหว่าง การเสริมจมูกแบบโอเพ่น (Open Rhinoplasty)
และแบบปิด (Close Rhinoplasty) ??
การเลือกเสริมจมูก หรือเสริมดั้ง เป็นศัลยกรรมที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
แน่นอนครับว่าการหาข้อมูลก่อนนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมากเช่นกัน
ไม่ว่าจะเป็นชนิดของซิลิโคน ทรงจมูกที่ชื่นชอบ และ เหมาะกับตัวเอง สิ่งหนึ่งที่สำคัญก่อนตัดสินใจเสริมจมูกคือ
การเลือกวิธีการเสริมจมูก ไม่รู้ว่าจมูกแบบเราควรต้องเสริมเทคนิคไหน?
แบบปิด(Close Rhinoplasty) หรือ แบบเปิด (Open Rhinoplasty)หลายคนคงจะคุ้นเคยกับวิธีการเปิดแผลแบบปิดมากกว่า เพราะเป็นวิธีที่สะดวก
และใช้เวลาผ่าตัดไม่นาน
แต่บางคนยังไม่คุ้น หรือ ยังไม่รู้ว่าการเสริมแบบเปิด หรือ โอเพ่น (Open Rhinoplasty)
คืออะไร? และ เหมาะสำหรับใครบ้าง
วันนี้หมอจะมาไขข้อข้องใจว่า...วิธีการแบบไหนที่มันจะเหมาะกับตัวคนไข้มากที่สุดครับ
วิธีผ่าตัดเสริมจมูกแบบปิด (Close Rhinoplasty)
เสริมจมูกแบบปิด (Close Rhinoplasty) แผลเล็กด้านใน Close เสริมซิลิโคนอย่างเดียว ใช้เวลา 1-1.5 ชม. เป็นการเสริมจมูกแบบปกติทั่วไป โดยมีแผลผ่าตัดด้านในรูจมูกโดยใส่ซิลิโคนทางรูจมูก ซึ่งจะเสริมซิลิโคนตั้งแต่สันจมูกถึงปลายจมูก ซึ่งไม่แนะนำให้ใส่ซิลิโคนที่ยาวเกินไป เพราะเสี่ยงในการทะลุได้
ข้อดี
- ราคาถูกกว่าแบบเปิด
- เป็นการผ่าตัดเพียงรูจมูกด้านในใช้เวลาไม่นาน
- การดูแลรักษาไม่ยุ่งยาก
ข้อเสีย
- โอกาสที่จมูกจะเบี้ยวหรือเอียง มากกว่าแบบเปิด
- ไม่สามารถทำให้โด่งหรือปลายเชิดได้เท่าแบบเปิด
การเสริมจมูกแบบโอเพ่น (Open Rhinoplasty) คืออะไร ?
การเสริมจมูกแบบโอเพ่น (Open Rhinoplasty) หรือ การทำจมูกแบบเปิด คือเทคนิคศัลยกรรมที่ช่วยแก้ไขให้รูปร่างจมูกดูสมบูรณ์ขึ้นครับ ด้วยการผ่าตัดเปิดแผลบริเวณฐานตรงปลายของรูจมูกทั้งสองข้าง เผยโครงสร้างภายในทุกส่วน ทำให้หมอสามารถวิเคราะห์ปัญหาได้อย่างตรงจุด และแก้ทรงจมูกได้หลากหลาย อยากให้จมูกยาวขึ้น เล็กลง หรืออยากปรับให้แกนจมูกตรงสวยก็ทำได้โดยใช้กระดูกอ่อนหรือ เนื้อเยื่อสังเคราะห์เป็นตัวช่วยหลักครับ ถือเป็นวิธีที่แตกต่างจากการเสริมจมูกแบบปิด (Close Rhinoplasty) ที่ใช้ซิลิโคนเน้นการเสริมจมูกให้โด่งขึ้นเพียงอย่างเดียวครับ
การเสริมจมูกแบบโอเพ่น (Open Rhinoplasty) หรือ การทำจมูกแบบเปิด คือเทคนิคศัลยกรรมที่ช่วยแก้ไขให้รูปร่างจมูกดูสมบูรณ์ขึ้นครับ ด้วยการผ่าตัดเปิดแผลบริเวณฐานตรงปลายของรูจมูกทั้งสองข้าง เผยโครงสร้างภายในทุกส่วน ทำให้หมอสามารถวิเคราะห์ปัญหาได้อย่างตรงจุด และแก้ทรงจมูกได้หลากหลาย อยากให้จมูกยาวขึ้น เล็กลง หรืออยากปรับให้แกนจมูกตรงสวยก็ทำได้โดยใช้กระดูกอ่อนหรือ เนื้อเยื่อสังเคราะห์เป็นตัวช่วยหลักครับ ถือเป็นวิธีที่แตกต่างจากการเสริมจมูกแบบปิด (Close Rhinoplasty) ที่ใช้ซิลิโคนเน้นการเสริมจมูกให้โด่งขึ้นเพียงอย่างเดียวครับ
วิธีการเสริมจมูกแบบโอเพ่น (Open Rhinoplasty)
คือ การเปิดแผลตั้งแต่บริเวณปีกจมูกข้างซ้าย ไปถึงปีกจมูกข้างขวา
จึงทำให้เกิดแผลเป็นที่สามารถมองเห็นได้จากภายนอกนะครับ แต่ก็ไม่มากนะแค่นิดเดียว
การเปิดแผลแบบนี้สามารถทำให้หมอมองเห็นภายในจมูกของคนไข้ได้มากขึ้น และสามารถตกแต่งส่วนต่างๆ
ของจมูกได้ดีเลยทีเดียว พูดง่ายๆ ก็คือ เปิดแผลแบบนี้ทีเดียวจบ
ถ้าคุณเป็นคนที่มีสันจมูกโด่ง หรือ มีฮัมพ์ (Hump)
ก็จำเป็นที่ต้องใช้เปิดแผลด้วยวิธีนี้ครับ หรือเป็นคนจมูกสั้นจะต่อจมูกให้ยาวขึ้น
ให้ปลายจมูกพุ่งขึ้น มีหยดน้ำมากขึ้น
ก็อาจจะต้องอาศัยการเปิดแผลแบบนี้เพื่อผลลัพท์ที่ดี ที่สุดนะครับ
ข้อดีของการเสริมจมูกแบบโอเพ่น (Open Rhinoplasty)
- สามารถแก้ไขตกแต่งจมูกของคนไข่ได้ดีกว่า และ สมบูรณ์มากกว่า เพราะมันจะทำให้หมอมองทะลุปรุโปร่งภายในจมูกได้นั่นเองครับ
- สามารถตกแต่งปลายจมูกด้วยกระดูกอ่อนต่างๆ ได้ เช่น ให้มีลักษณะเป็นหยดน้ำดูสวยเป็นธรรมชาติ
- ลดโอกาสซิลิโคนทะลุในอนาคต
- ลดโอกาสที่จมูกจะเบี้ยวได้ด้วย
ข้อเสียของการเสริมจมูกแบบโอเพ่น (Open Rhinoplasty)
- มีแผลเป็นตรงกลางจมูกเล็กน้อยครับ แต่ทุกเคสที่ผมทำจะมีแผลเป็นประมาณ 3-6 เดือนก็หายแล้วครับ สามารถปกปิดได้ด้วยเครื่องสำอาง หมอคิดว่าโอเคเลยนะครับ
- ราคาอาจจะสูงครับ งานดี และปลอดภัยเพื่อความสวยในอนาคต ดูเป็นธรรมชาติ ก็ต้องใช้ความสามารถของหมอมากขึ้น ราคามันก็สูงขึ้นเป็นธรรมดาครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น