ตาสองชั้นกับหมอกัน
การทำ “ตาสองชั้น” ถือว่าเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน ปัญหาตาชั้นเดียวอาจจะทำให้หลายๆคน
แลดูไม่สวย หรือตาไม่กลมโตหวาน แต่ทุกวันนี้ สามารถแก้ปัญหาได้ ด้วยการทำ “ตาสองชั้น”
จากแพทย์ที่ศัลยกรรม ส่วนใหญ่นิยมศัลยกรรมกันอย่างกว้างขวาง ส่งผลให้ใบหน้าดูสมส่วนและมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น
การศัลยกรรมตกแต่งตา หรือ การทำตาสองชั้น สามารถทำได้หลายวิธี ดังนั้นแพทย์จะประเมินตามความเหมาะสม
ของคนไข้แต่ละคน เพื่อให้ได้รูปแบบตาสองชั้นที่สวยงาม เหมาะกับใบหน้าได้ผลลัพธ์ใกล้เคียงอย่างที่ต้องการมากที่สุด
การ ทำตาสองชั้น หลายๆคนจะเข้าใจว่า การทำตาสองชั้น มี อยู่แค่ 2 แบบกรีดสั้นกับกรีดยาว เพราะที่ประเทศไทย
จะเน้นการทำตาสองชั้น แบบเย็บและการกรีดสั้น เนื่องจากหลายๆคนชอบ เรื่องของการพักฟื้นเร็ว
ทำตาสองชั้นกับหมอกัน มีกี่แบบ ?
ทำตาสองชั้น ที่ธีระธรฌ์คลินิกกับหมอกัน ทั้งหมด 6 แบบ
1.แบบกรีดสั้น คนไข้ต้องหนังตาไม่หนามากเกินไป ไขมันตาต้องน้อย เป็นคนที่ผิวหนังตาบาง เป็นคนตาชั้นเดียว
หนังตาไม่เกิน คิ้วไม่ตก อันนี้เป็นสิ่งสำคัญ เวลา ทำตาสองชั้น ก็ต้องดูก่อนว่าทำแล้วมันจะสวยไหม สำหรับ
บางคนกรีดสั้นไป แล้ววงตามันไม่คม อาจจะไม่สวย ก็ต้องดูตำแหน่ง ว่าจะกรีดตรงไหน หัวตา กลางตา ท้ายตา
เพราะเวลากรีดสั้น หมอจะกรีด ประมาณ 7 มิลลิเมตร เป็นแผลเล็กๆ ทำไม่นาน บวมช้ำน้อย และอาจจะเพิ่ม
เทคนิคการเย็บ หมอจะเย็บแบบ 3 จุด หรือ 5 จุด ข้างในแล้วแต่เคส การกรีดสั้น ก็คือการแขวน ถ้าเรา
มีไม้แขวนเสื้อ บางเคส หนังตาเยอะๆแล้วกรีดสั้น ต้องแขวนหนังตาให้สูงๆ ข้อเสียของมันก็คือบางเคสจะรู้สึกว่า
มันสูงไป ประมาณสัก 1-2 ปี ก็จะเข้าที่ เทคนิคนี้ ใช้เวลาพักฟื้น ประมาณ 3-5 วัน เวลาในการผ่าตัด 30-40นาที
2.แบบกรีดยาว จะได้ผล ค่อนข้างดีมาก แต่ข้อเสียพักฟื้นนาน แต่ว่าจะอยู่ได้นานกว่า และก็บังคับวงตาได้ดี
หลายๆเคสต้องเข้ามาดูก่อนว่า ชอบชั้นตาแบบไหน ต้องมีรูปแบบตามาให้ดู เพราะว่าการ ทำตากรีดยาว
มันบังคับวงตาได้ เช่นเส้นที่หัวตา อยากให้เป็นเส้นหัวตาแบบฝรั่ง หรือ อยากให้เส้นหัวตาโค้งจิกลงมาที่มุมหัวตา
พอดี แบบเอเชีย ซึ่งจะมีความแตกต่างกัน ของ การเย็บตาด้านใน มีจุดที่จิกให้มันเป็นชั้นหัวตา ตรงตำแหน่งนั้น
อยากให้เป็นแบบไหนก็ต้องจิก บางเคสอาจจะต้องเย็บแบบเปิดหัวตาและหางตา เพื่อให้ตาดูเฉี่ยวขึ้น ใช้เวลา
พักฟื้นประมาณ 5-7 วัน (แล้วแต่บุคคล)และ ใช้เวลาในการผ่าตัด 45-60 นาที
3.แบบเย็บ ก็จะคล้ายกัน เพียงแต่ว่าแบบเย็บผิวจะต้องไม่มีไขมัน ไขมันจะต้องน้อยกว่า การกรีดสั้น
คือเห็นผิวบางๆ จับแล้วรู้สึกว่าผิวไม่มีความนูนของบริเวณด้านบนของตา ก็จะเหมาะสำหรับการเย็บ
วิธีการเย็บจะมีแบบ 3จุด 5 จุด ซึ่งจะบวมช้ำน้อยใกล้เคียงกัน ประมาน 3-5 วันก็เข้าที่ แต่ว่า ข้อเสีย
ของทั้งสองแบบ คือชั้นตาจะตกเร็ว ถ้ากรีดสั้น จะอยู่ได้นานกว่า
4.แบบเปิดหัวตาและหางตา หรือการทำตาแบ๊ว ที่เกาหลีจะมีการเปิดหางตาด้วย แต่ว่าการเปิดหัวตา
หางตาในไทยไม่นิยมทำ เพราะว่าจะมีปัญหาเรื่อง การเห็นหางตา ที่รู้สึกว่ามันแดงในบางเคส อาจจะไม่ชอบ
หรือว่าน้ำตาอาจจะไปคลอๆบริเวณหางตาเยอะ จึงทำให้ การเปิดหางตา ไม่ค่อยนิยม การเปิดหัวตาและหางตา
จะทำให้ดวงตาดูกลมโตและกว้างขึ้น ใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 5-7 วัน (แล้วแต่บุคคล) และ เวลาในการผ่าตัด
30-45นาที
5.แบบเปิดตาดำ (เทคนิคนี้เฉพาะหมอกัน) เหมาะกับบางเคส เช่น เคสที่ขาดไขมันบนตา ไขมันชั้นตาด้านบนดูหนา
เหมือนตาสามชั้น ต้องเลาะ และ ตัดไขมัน เห็นหนาๆแบบนี้ บางทีมันก็เกาะติดอยู่กับลูกตาเลย จึงต้องเลาะออก
มาแล้วก็ไปเย็บติดกับกระดูกขอบตาด้านบน จะทำให้เป็นตาสองชั้นที่สวยขึ้น แต่บางเคสเย็บขึ้นไปแล้วไม่พอดี
อาจจะต้องเติมไขมันเข้าไป บางเคสตาหลบในมาก ก็จะเห็นเป็นตาสามชั้นเลย เพราะอาจจะเคยทำศัลยกรรมตา
มาก่อน หรือ ตัดไขมันตาออกมากเกินไป หรือ เป็นคนมีไขมันน้อยตั้งแต่เกิด ต้องทำตาแบบกรีดสั้นหรือแบบเย็บ
เป็นคนผิวบาง ไขมันน้อย เวลาอายุเยอะขึ้น ตาจะหลบในมากขึ้น เวลาทำอาจจะนำไขมันเติมเข้าไปด้วย จะทำให้ตา
ดูสวยขึ้น การเปิดตาดำ เล็กน้อย ทำให้ตาดูอิ่มขึ้นและเด็กขึ้นได้บางเคส ใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 5-7 วัน
(แล้วแต่บุคคล) เวลาในการผ่าตัด 40-60 นาที
6.ยกคิ้ว เคสที่มีคิ้วตกซ่อนอยู่ ซึ่งหลายๆ เคสที่คิ้วตกเยอะ มาปรึกษาตาสองชั้น แต่กลายเป็น ทำยกคิ้วแล้วสวย
เลยก็มี ถ้าคนไข้มีปัญหาเรื่องคิ้วตก ควรยกคิ้วเลยดีกว่า เพราะถ้าฝืนทำตาสองชั้น มันอาจจะไม่เป๊ะ หลายๆเคส
แม้ว่าจะทำตาสองชั้นไป แต่หมอจะให้คำปรึกษาว่า ควรที่จะยกคิ้วด้วย และทำตาสองชั้น เนื่องจากปกติแล้วควร
จะยกคิ้วก่อนทำตาสองชั้น จะได้ตาที่เป๊ะ และสวยมาก
ฉะนั้นบางคนที่ ทำตาสองชั้นไป แล้วกลับมา ยกคิ้วทีหลังอาจจะไม่เป๊ะ ไม่สวย เพราะว่าตำแหน่งในการทำ
ชั้นตา มันแตกต่างกัน เนื่องจากคนที่คิ้วตกต้องทำชั้นตาให้สูง เพราะหนังมันตกลงมาเยอะ คล้ายกับการกรีดสั้น
ที่หนังตาเกินเยอะ แต่เป็นคิ้วตก จะมีจุดที่แตกต่าง ถ้าเกิดทำแล้วรู้สึกไม่เป๊ะก็ต้องยกคิ้ว แต่ถ้ายกคิ้วหลัง
ทำตาสองชั้น ตาอาจจะดูประหลาด
วิธีการเตรียมตัวก่อนทำตาสองชั้น
1. แจ้งประวัติการแพ้ยา ยาและอาหารเสริมที่รับประทาน โรคประจำตัว และประวัติการผ่าตัด ให้แพทย์ทราบ
2. ควรงดวิตามิน อาหารเสริม อย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อไม่ให้เลือดออกเยอะระหว่างผ่าตัดก่อนรับบริการ
2 สัปดาห์
3. ควรงดสูบบุหรี่ก่อนผ่าตัดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและระยะการบวมที่นานกว่าปกติ
4. งดแอลกอฮอล์อย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและระยะการบวมที่นานกว่าปกติ
5. ควรถอดคอนแทคเลนส์ก่อนทำการผ่าตัด
วิธีการทำตาสองชั้น
1. การทำตาสองชั้น ใช้เวลาทำผ่าตัดประมาณ 30-45 นาทีแล้วแต่เทคนิคที่คนไข้เลือกทำ
2. พยาบาลจะทำความสะอาดใบหน้าและรอบดวงตา และฉีดยาชาบริเวณหนังตาบน จะทำให้ไม่รู้สึกเจ็บในระหว่างผ่าตัด
3. แพทย์จะทำการเย็บ หรือกรีดตามแนวที่ระบุไว้ของแต่ละวิธีการผ่าตัด หากมีไขมันหรือหนังตาส่วนเกินหมอจะตัดออก
และใช้จี้ไฟฟ้าห้ามเลือดตามความเหมาะสมจากนั้นแพทย์จะเย็บกล้ามเนื้อด้านใน (เฉพาะวิธีกรีดชั้นของหนังตา)
ด้วยเส้นไหมแบบละลายได้ สร้างเป็นรอยพับของ ตาสองชั้น ตามที่ต้องการ
และใช้จี้ไฟฟ้าห้ามเลือดตามความเหมาะสมจากนั้นแพทย์จะเย็บกล้ามเนื้อด้านใน (เฉพาะวิธีกรีดชั้นของหนังตา)
ด้วยเส้นไหมแบบละลายได้ สร้างเป็นรอยพับของ ตาสองชั้น ตามที่ต้องการ
4. สุดท้ายเย็บบริเวณที่กรีดด้วยไหมเส้นเล็กมากเพื่อให้เห็นรอยเย็บน้อยที่สุด เมื่อแผลหายรอยแผลจะถูกซ่อน
อยู่ในชั้นตาที่สร้างขึ้นใหม่ และมองไม่เห็นเวลาลืมตาตามปกติ
อยู่ในชั้นตาที่สร้างขึ้นใหม่ และมองไม่เห็นเวลาลืมตาตามปกติ
5. หลังผ่าตัดเสร็จทางคลินิก มียาพื้นฐาน และอุปกรณ์ทำแผลให้ คนไข้สามารถกลับบ้านได้ทันที
วิธีการดูแลตัวเองหลังการผ่าตัดทำตาสองชั้น
1. ควรประคบด้วยผ้าเย็นรอบดวงตาและหน้าผาก เพื่อลดอาการบวมและเลือดซึมออกในช่วง 1 – 2 วันแรก
จากนั้นวันที่ 3 – 5 ให้ประคบด้วยน้ำอุ่นเพื่อลดรอยช้ำระวังอย่าให้แผลโดนน้ำ โดยเฉพาะการอาบน้ำ ล้างหน้า
หรือสระผม แนะนำให้สระผมก่อนผ่าตัด เพื่อเลี่ยงแผลโดนน้ำให้มากที่สุด
จากนั้นวันที่ 3 – 5 ให้ประคบด้วยน้ำอุ่นเพื่อลดรอยช้ำระวังอย่าให้แผลโดนน้ำ โดยเฉพาะการอาบน้ำ ล้างหน้า
หรือสระผม แนะนำให้สระผมก่อนผ่าตัด เพื่อเลี่ยงแผลโดนน้ำให้มากที่สุด
2. งดเว้นการใช้สายตาหรือขยี้ตา
3. ก่อนและหลังผ่าตัดควรงดใช้เครื่องสำอางบริเวณใบหน้า เพื่อป้องกันสิ่งสกปรกซึ่งอาจทำให้แผลติดเชื้อได้
4. เวลานอนหนุนหมอนยกศีรษะให้สูง ๆ จะช่วยลดอาการบวมรอบดวงตาได้
5. ทานยาตามแพทย์สั่ง และมาพบแพทย์ ตามนัด
6. ไม่รับประทานอาหารรสจัดหรือของหมักดอง
***ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับใบหน้าของแต่ละบุคคล***



- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
- รับลิงก์
- X
- อีเมล
- แอปอื่นๆ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น